บรรยากาศก่อนเทศกาลสารทเดือนสิบปีนี้ ที่บ้านหน้าชิง หมู่ 1 ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ คึกคักไปด้วยชาวบ้านที่กำลังร่วมแรงร่วมใจทำขนมลาและขนมพอง ขนมประจำเทศกาล เพื่อจำหน่ายและสืบสานประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
ชาวบ้านกว่า 10 ครัวเรือน ใช้เวลาว่างหลังจากการทำสวน มารวมตัวกันทำขนม โดยเฉพาะขนมลากรอบ ที่ยังคงกรรมวิธีแบบดั้งเดิม โดยใช้กะลามะพร้าวเจาะรูเล็ก ๆ ปล่อยให้แป้งไหลลงในกระทะน้ำมันร้อน แล้วพับครึ่งแผ่นเรียงไว้ เคล็ดลับสำคัญคือ “จังหวะการโยก” ที่ต้องแม่นยำเพื่อให้เส้นแป้งออกมาสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจุบันหาคนทำได้ยาก
นางหนูวัน เนื้อเกลี้ยง อายุ 63 ปี เล่าว่า ครอบครัวทำขนมเหล่านี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว กะลามะพร้าวที่ใช้ก็เก็บรักษามาจากรุ่นพ่อแม่ ปัจจุบันมีออเดอร์จากพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากจนผลิตแทบไม่ทัน
ราคาขายปีนี้ปรับขึ้นเล็กน้อยตามต้นทุนวัตถุดิบ ขนมลา 10 ชิ้น ราคา 60 บาท ขนมพอง 3 ชิ้น ราคา 50 บาท และมีชุดรวมในราคา 60 บาท ทั้งขายปลีกที่บ้านและส่งตามออเดอร์
นอกจากรสชาติอร่อยและกรรมวิธีแบบโบราณ ขนมลาและขนมพองยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ในงานบุญสารทเดือนสิบ
ขนมลา เปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่ลูกหลานจัดถวายให้บรรพบุรุษไว้ใช้ในปรโลก เส้นแป้งที่ทอดเป็นแผ่น สื่อถึงสายใยความผูกพันของครอบครัว
ขนมพอง มีลักษณะฟูเบา สื่อถึงเรือสำเภา หรือพาหนะที่บรรพบุรุษใช้เดินทางกลับมายังโลกมนุษย์ในช่วงทำบุญ
เทศกาลสารทเดือนสิบปีนี้ วันรับตายาย ตรงกับวันที่ 7 กันยายน และวันส่งตายาย ตรงกับวันที่ 22 กันยายน เป็นประเพณีที่ชาวใต้ยังคงยึดถือเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษและแสดงความกตัญญู
นางหนูวันกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มว่า “การทำขนมลา-ขนมพอง ไม่ใช่แค่การทำขาย แต่คือการสืบสานบุญประเพณีและความรักความผูกพันของครอบครัว ที่อยากให้คนรุ่นหลังได้เห็นและสืบต่อไป”