กรมชลประทานออกประกาศเตือนฉบับที่ 3 ให้ 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา เตรียมรับมือน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมนี้ โดยจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
นายฐนันดร์ สุทธิพิศาล รองอธิบดีกรมชลประทาน ปฏิบัติราชการแทนอธิบดี เปิดเผยว่า คาดการณ์ปริมาณน้ำที่สถานีวัดน้ำ C.2 นครสวรรค์ จะไหลผ่าน 1,400–1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อรวมกับน้ำจากลำน้ำสาขา จะทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มเป็น 1,500–1,650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ด้วยเหตุนี้ กรมชลประทานจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 700–1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำสูงขึ้น 20–80 เซนติเมตร โดยเฉพาะคลองโผงเผง (อ่างทอง) คลองบางบาล, ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ (พระนครศรีอยุธยา) รวมถึงพื้นที่ริมแม่น้ำน้อย แต่ยังไม่กระทบเขตชุมชน
สถานการณ์ล่าสุด (20 กรกฎาคม) ที่สถานี C.2 มีน้ำไหลผ่าน 1,094 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนเจ้าพระยามีระดับน้ำเหนือเขื่อน 15.58 เมตร ระดับน้ำท้ายเขื่อน 672 เมตร และระบายน้ำ 672 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนสถานี C.3 สิงห์บุรี วัดปริมาณน้ำได้ 659 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กรมชลประทานยืนยันจะบริหารจัดการน้ำให้ดีที่สุด และติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หากต้องระบายน้ำมากกว่า 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งเตือนทันที ขอให้ประชาชนริมน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์